วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2551

นิทานพื้นบ้านเรื่องก่องข้าวน้อยฆ่าแม่

ครั้งหนึ่งหลายร้อยปีมาแล้ว ที่หมู่บ้านตาดทอง มีหนุ่มคนหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏชื่อ อยู่กับแม่วัยชรา พ่อเสียชีวิต ช่วงนั้นอยู่ในฤดูฝน เป็นช่วงที่เหมาะสมแก่การไถนา เพื่อที่จะทำการดำต่อไป ครอบครัวของชายหนุ่มคนนี้เป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่ต้องไถนาเช่นกัน ในวันหนึ่งเขาก็ไปไถนาเช่นทุกวัน จนแดดเริ่มร้อนมาก แสงตะวันจ้า ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า หิวข้าว และเขาก็กำลังรอข้าวจากผู้เป็นแม่อย่างเช่นทุกวัน เขาหิวจนตาลาย เริ่มรู้สึกหงุดหงิด และในขณะนั้น ผู้เป็นแม่ก็กำลังเดินตามทุ่งนา เพื่อนำก่องข้าวมาให้ เมื่อชายหนุ่มมองเห็นก่องข้าวที่มันช่างน้อยนิด กลัวตนไม่อิ่ม ด้วยความโมโหหิว จึงโวยวาย และในขณะนั้นเขาก็มองไปที่แอก แล้วได้จับขึ้นมาตีแม่วัยชราจนตาย ชายหนุ่มจึงกลับมากินข้าวต่อ เมื่ออิ่มแล้ว มองที่ก่องข้าว ข้าวยังเหลืออยู่ในก่องอีกมาก จึงได้หันมามองแม่ที่นอนจมกองเลือดอยู่ รู้สึกผิด และเสียใจ จึงได้คิดสร้างธาตุที่มีขนาดใหญ่ เพื่อที่จะลดล้างความผิดที่ตนได้ก่อ แต่ถึงแม้จะสร้างธาตุขึ้น ก็คงไม่สามารถลด ล้างบาปที่ชายหนุ่มได้ก่อให้หมดได้

คติ:ทำดีกับพ่อแม่ยามเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ดีกว่า สำนึกได้เมื่อท่านจากไป

ใข้สอนนักเรียนในเรื่อง
1.การที่จะทำอะไรต้องมีสติ ใจเย็น ไม่ควรวู่วาม ควรคิดไตร่ตรองให้ดีก่อน มิฉะนั้นอาจทำให้เกิดความเสียหาย หรืออาจจะต้องเสียใจตลอดชีวิต
2.คนเราย่อมเกิดจากพ่อแม่ ซึ่งถือเป็นบุญคุณอย่างมาก ฉะนั้นเราต้องรู้จักกตัญญู พยายามอย่าทำให้ทานเสียใจ ในนิทานเรื่องนี้กล่าวถึงการฆ่าแม่ ซึ่งเป็นบาปอย่างมหันต์ เชื่อกันว่าต้องตกนรก เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรทำ
3.การรุ้จักกตัญญูต่อผู้มีพระคุณนั้น เป็นสิ่งที่หลายๆคนเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ และควรทำในตอนที่ท่านยังอยู่กับเรา

ไม่มีความคิดเห็น: